งานที่ทำแล้วสำเร็จ

งานที่ทำกับความสำเร็จที่ได้รับ
     งานคือเงิน เงินคืองานบันดาลสุข ได้เปลี่ยนพฤติดรรมคน ให้มาขยันทำงานกันมากขึ้น เพื่อให้มีฐานะทัดเทียมกัยผู้คนในสังคม จะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้ คนไทยต่างเสาะแสวงหาโอกาสที่จะมีงานกันมากขึ้น ทุกคนให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาเล่าเรียนกันเป็นความจพเป็นอันดับต้นๆ
     ESBI บอกให้เรารู้ถึงอนาคต คนจะรวยหรือจนไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัทที่มีความมั่นคงหรือจ่ายเงินเดือนให้เรามากแต่ประการใด แต่ได้บอกถึงสถานะที่คุณเป็นอยู่ จะอยู่ในแผนภูมิของ ESBI แทบทั้งสิ้น
     เริ่มต้นด้วยตัว E คือ Employe. หมายถึงสถานะของลูกจ้าง ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกจ้างรัฐบาลหรือเอกชน คุณคือพนักงานที่คอยรับคำสั่งจากหัวหน้าหรือเจ้าของธุรกิจ คนที่สั่งงานเราคือคนที่จ่ายเงินเดือนให้เรา เราทำงานตามที่ได้รับมอบหมายตามหน้าที่และข้อบังคับของแต่ละองค์กรงาน จนกระทั่งครบอายุที่กำหนด จำต้องหยุดทำงานคนใหม่จะเข้ามาแทนที่คุณในวันที่คุณเกษียนเมื่อคุณอายุ 55 ถึง 60 ปี กลุ่มคนที่กำลังใช้ชีวิตการทำงานมีประมาณ ร้อยละ 80 ทั่วโลกของประชากรเมือง

S คือ Self Business เป็นงานหรือธุรกิจส่วนตัว ที่คุณเป็นคนลงมือทำในทุกๆ สิ่ง คุณเป็นเจ้านายของตัวคุณเอง แม้ว่าจะจ้างคนมาช่วยแต่ คุณยังคงต้องเฝ้ากิจการอยู่เนื่องจากหากไม่เฝ้า กิจการอาจไม่มีรายได้เนื่องจากคุณเป็นคนที่รู้คนเดียวว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการ ส่วนลูกจ้างหรือคนที่คุณจ้างมาจะไม่ลงไปในรายละเอียดเหมือนคุณเพราะไม่ใช่เจ้าของ งานประเภทนี้ คุณได้เงินแต่คุณไม่ค่อยจะมีเวลาเป็นส่วนตัวของคุณ หยุดทำก็ไม่ได้งานลักษณะนี้คุณตัองทำงานตลอดเวลา ไม่สามารถกำหนดเวลาเพื่อตนเองได้เลย

B คือ Business ต่อจาก S หากว่าคุณบริหาร ธุรกิจจนเจริญเติบโตดี ซึ่งมีประมาณแค่ไม่เกินร้อยละ 5 ของคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว เท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จขึ้นมาเป็น ขั้นตอนนี้ เมื่อมีเงินมากพอ สามารถใช้เงินจ้างคนที่มีความสามารถเข้ามาทำงานตามความต้องการของเจ้าของ เป็นการใช้งานระบบซึ่งสร้างขึ้นมาจากประสบการณ์ของเจ้าของธุรกิจ จะใช้ระบบช่วยบริหารจัดการแทนตัวเจ้าของทำให้มีเวลาที่จะไปทำอะไรก็ได้ตามความต้องการ ระยะต่อๆ ไป ถ้าธุรกิจที่ทำ ทันสมัยไม่ล้าหลังก็จะเจริญเติบโตขึ้นไป แต่หากธุรกิจไม่ทันสมัยอาจต้องปิดกิจการไป อย่างเช่น บริษัทที่ผลิตฟิมล์ถ่ายรูป หรือ บริษัทล้างอัดรูป ที่สมัยก่อนเราเห็นมากมายแต่ปัจจุบันได้ปิดกิจการไปเเล้วนั่นเอง

I คือ Invest หรือ นำเงินที่เราได้จากการทำธุรกิจไปลงทุนในทรัพย์สินที่ให้กำไร เป็นการใช้เงินทำงานให้เจ้าของเงิน งานประเภทนี้เป็นงานที่เจ้าของเงินไม่ต้องทำงานอะไรเลย พอครบกำหนดจะมีเงินปันผลหรือดอกเบี้ย โอนเข้าบัญชีของเจ้าของเงิน ที่เห็นชัดเจนคือตลาดหลีกทรัพย์หรือตลาดหุ้น ส่วนจะได้กำไรหรือขาดทุนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดจากการวิเคราะห์และตัดสินใจของเจ้าของเงิน

ดูเรื่อง ESBI แล้วจะเห็นว่า กลุ่มคนที่จะประสบความสำเร็จและได้ทั้งเงินและเวลาจะมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม B และ I และเมื่อมาดูจำนวนคนส่วนใหญ่ในสังคมของประเทศทั่วโลก จะเห็นว่า กลุ่มคนทำงานหรือมนุษย์เงินเดือน ประเภท E จะมีมากที่สุดรองลงมาจะเป็นกลุ่มคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว หรือ S คน 2 กลุ่มนี้ มีประมาณร้อยละ 95 ของประชากรโลก เมื่อดูรายละเอียดเชิงลึกจะเห็นว่า ความมั่นคงของชีวิตจะต่ำกว่ามาตราฐานการมีวิถีชีวิตที่ดี ส่วน กลุ่ม B และ I มีประชากรทั่วโลกประมาณร้อยละ 5 แต่มีวิถีชีวิตที่ดีสูงกว่ามาตราฐาน การมีวิถีชีวิตที่ดีและมีอิสระในทุกๆ ด้านสูงกว่า กลุ่มคน E และ S มาก

คน 2 กลุ่ม ใช้ระบบที่ต่างกัน
ผู้ทีทำงานตามระบบและผู้ที่ให้ระบบทำงานให้เป็นข้อแตกต่างที่ให้ผลลัพท์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง อยู่ที่ว่า เรารู้ทันเรื่องระบบมากน้อยแค่ไหน ถ้าฉุกคิดและวิเคราะห์เราจะเห็นคำตอบและหางานที่ทำแล้วสามารถต่อยอดพัฒนามาเป็นระบบ เราไม่ใช่นักฉวยโอกาสแต่เราควรเป็นผู้สร้างโอกาสเราจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

โลกในยุคอนาคตเต็มไปด้วยความก้าวหน้าและความเปลี่ยนแปลง เราควรใช้โอกาสทุกโอกาสที่เราได้รับแล้วเปรียบเทียบให้ละเอียด พบคำตอบแล้วเป็นไปได้ ลงมือศึกษารายละเอียดจากผู้รู้ที่ประสบความสำเร็จ คุณจะประสบความสำเร็จตาม นี่คือเทรนในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงของยุคนี้